วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

5) ความรัก..ที่หลายคนอาจนึกไม่ถึง

บางมุมมองของความรัก..ที่หลาย ๆ คนอาจนึกไม่ถึง

ความรักพบเจอได้ง่ายๆ แม้ใน " ตลาดสด "

นับตั้งแต่คุณแม่ได้เริ่มรักษาตัว  ก็เป็นโอกาสดี  ที่ผู้เขียนได้อยู่กับแม่ทุกวัน    เพราะต้องพาท่านไปฉายแสงหลังจากผ่าตัดเนื้องอกที่ปอด   แม่เปิดโอกาสให้ลูกได้ดูแลท่านบ้าง   เย็นเมื่อวานเราไปตลาดสด  คนเยอะ  ของขายก็เยอะ   ถูกใจคนที่ชอบ" ตลาดสด "อย่างแม่มาก    ท่ามกลางความระรานตา   ผู้เขียนแอบเห็นความน่ารัก  ของพ่อค้าแม่ค้าวัยรุ่นๆ คู่หนึ่ง ที่น่าจะเป็นสามีภรรยามือใหม่ ( ดูจากแหวน และความใส่ใจกัน เลยเหมาว่า น่าจะเป็นคู่รักที่กำลังเริ่มต้น สร้างครอบครัวด้วยกัน ..คิดเดาเองล้วน ๆ )   ฝ่ายพ่อค้าดูกระตือรือร้น เตาร้อนๆ ก็เหมือนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย   ฝ่ายแม่ค้านี่..ยิ้มสดใส ใจดี พูด คุยขาย  มีแถม..ให้ลูกค้าแบบสุดๆ  ปิดท้ายด้วยคำพูดของพ่อค้าที่ว่า  " เลือกชิ้นสวยๆ ให้เลย สวยเหมือนคนซื้อเลยครับ "    ..แหม.. วันนี้ได้สวยเหมือน "คอหมูย่าง" เลยนะคะ   แต่ก็ชอบจริง ๆ   บทเซลล์ทอล์ค ยิงตรงปักกลางใจ    ถูกใจคนบ้ายอ อย่างผู้เขียนเลยทีเดียวค่ะ 



ความรักสวยงามเสมอ แม้ว่ารายละเอียด และเงื่อนไขของแต่ละคู่จะไม่เหมือนกัน   ไม่มีใครเหมือนกันในทุกเรื่อง แต่ความรักที่มีนั้น ทำให้เรายอมรับในความแตกต่างระหว่างคนสองคนได้มากขึ้น  รักกันแบบที่เธอและฉันเป็นอยู่    แต่ก็น่าแปลก เมื่อเวลาผ่านไป ความเคยชิน หรืออะไรก็ตาม มักมีผลทำให้ความหวาน ความใส่ใจกันเปลี่ยนไป  เกิดคำถามว่า  ความรักในจินตนาการแบบที่เราถามหา กับชีวิตจริง มันเป็นคนละเรื่องกันจริงไหม ??..

               ภาวะเศรษฐกิจทุกวันนี้ ต่างคนต่างมีงานและความรับผิดชอบ ที่ต้องทำไปพร้อมๆ กับการบริหารความรัก  ปัญหาส่วนใหญ่  มักมาจากการมีคนรัก มากกว่าสองคนเข้ามายุ่งเกี่ยว  โลกยุคนี้ประหลาด  มีความสัมพันธ์ในหลายตำแหน่ง คนหนึ่งเป็นแฟน  คนหนึ่งเป็นคนที่รู้สึกดีๆ อีกคนเป็นคนรู้ใจคอยให้คำปรึกษา  สังคมยุคแห่งการสื่อสาร ยุคแห่งการแสดงความรู้สึก ได้อย่างชัดเจนผ่าน  facebook   มีคนรับรู้ความรู้สึกของเรามากมาย  แต่ขณะเดียวกัน ก็รู้สึกเหงาได้ง่าย ๆ  ซะงั้น
               
              คลื่นวิทยุ  ทุกคืนวันศุกร์   " Club Friday "   ที่ผู้เขียนติดตามฟังบ่อยๆ   ( สนุกดีนะคะ    ชอบฟังกันไหม ?.. )     " พี่อ้อยพี่ฉอด "    พูดประโยคนี้เสมอ   ประหนึ่งเป็นทฤษฎีของความรักเลยทีเดียวว่า  "ความรักไม่อนุญาต ให้คนมากกว่าสองคน รักกันได้อย่างลงตัว "   ปัญหามันต้องมีตามมาแน่ ๆ หากผิดเพี้ยนไปจากที่ว่านี้   แต่หลายคนก็ทั้งรู้ ประมาณว่า  ผิดถูกรู้หมด  แต่อดไม่ได้     บางคนรักซ้อน บางคนซ่อนรัก   บางคนหึงแบบสุดโหด  ทำร้ายร่างกายกัน    แล้วให้เหตุผล (ข้ออ้าง) ว่าเพราะรัก  เพราะหวง บ้านะ !..   ก็นำมาซึ่ง  ความไม่เข้าใจ  ความเสียใจ    กระหน่ำแทงหัวใจกัน ด้วยการกระทำ และคำพูดที่เจ็บปวด   ( เริ่มฟังมากไปละ  อินมากเกินไปแล้วนะเนี่ย...   >__<  ) 



                   แต่อย่าเพิ่งหงอยไปนะคะ  บางทีเราเจอปัญหา มันก็ไม่จำเป็นต้องแก้ไขไปหมดซะทุกเรื่องหรอก  แต่เราแค่ยอมรับ และรับมือกับมัน ไม่ให้มันทรมานนานเกินไป ก็เท่านั้น  พอเวลาเปลี่ยนไป เดี๋ยวเวลาใหม่ก็ผ่านเข้ามาแทนที่   ไม่ว่าอีกกี่เดือน กี่ปี สิ่งที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ ก็จะต้องผ่านไป  มันต้องผ่านไปแน่ๆ    ผู้เขียนเอง   ก็เคยผ่านวันที่เศร้า วันที่น้อยใจ   มันหมดหวัง  เหมือนไม่อยากได้อะไรแล้ว      ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ควรเรียกสติกลับมาอยู่ที่ตัวด่วน !!..  อย่าให้ความรู้สึกแบบนั้นอยู่กับเรานานเกินไป    อย่างน้อยหากมีวันใดข้างหน้า ที่มีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกันอีก  คิดเสียว่า มันเป็นเพียงเพราะความต่างของคนสองคน  เก็บภาพของการเก็บหอมรอมริบ สร้างครอบครัวด้วยกัน  ผ่านทุก ๆ ความลำบากด้วยกัน  สิ่งนี้คงช่วยเรียกสติ  ไม่ทำให้เราจากกันไปง่าย ๆ


 ไม่ว่าสถานการณ์ไหน มันน่าจะอยู่ที่เราเลือกมอง  ไม่ต้องตามหารักแท้ แค่ทำให้รักที่เรามีอยู่ในมือ เป็นรักที่ดีที่สุดก็พอ  ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไหน  รักเธอ  รักลูก  รักครอบครัว  รักพ่อแม่  รักพี่รักน้อง  รักเพื่อน    ชีวิตมันก็แค่นี้  จะรักกันมากแค่ไหน   เกลียดกันมากแค่ไหน   ถึงวันหนึ่งก็ต้องจากกันไปอยู่ดี    ไม่ว่าจะจากไปเพราะหมดอายุรัก  หรือ เพราะหมดอายุขัยก็ตาม  ( เศร้ามากประโยคนี้  ทุกอย่างมันไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทนจริง ๆ   รู้ว่ามันทำใจยาก  ก็กำลังพยายามเรียนรู้มันอยู่ )  อย่างน้อยทุกการจากไป ก็ทิ้งบทเรียนให้เสมอว่า  รีบใช้เวลาให้คุ้มนะ ไม่มีใครรู้เลยว่า โลกจะเปลี่ยนไปแบบไหน   คนที่เรารัก จะได้เจอกันไหมเย็นนี้   ไม่มีอะไรแน่นอนเลย    ดังนั้น หากมีความรักดี ๆ อยู่แล้ว  รักษาและถนอมเอาไว้ให้ดี   เพราะที่สุดแล้ว  ในวันที่จากกันไปจริง ๆ  มองย้อนมา จะได้สุขใจว่า  เราได้ทำดีที่สุดแล้ว    วันเวลาที่ใช้ไปนั้น   ได้ผ่านไปอย่างคุ้มค่าที่สุดแล้ว 

ถึงตอนนี้...คนโสดทั้งหลาย หากเป็นโค้งสุดท้าย  อยากบอกรักใคร รีบบอกไปเลยนะคะ    สู้สู้ !!... ^__^

ขอบคุณภาพน่ารักจาก Tanya Rapeseed blog


ชอบภาพชายหญิงคู่นี้    ในวัยเก็บเกี่ยวความสุขจากความเหน็ดเหนื่อยของการทำงาน   คุณตากับคุณยาย นั่งกุมมือกัน พิงกัน ส่งผ่านรอยยิ้ม ที่ฟ้องร่องรอยแห่งการใช้ชีวิตมาอย่างยาวนาน    แม้มือคู่นี้จับกันมาเป็น 30-40 ปีแล้ว   วันนี้ก็ยังมีมือคู่เดิม ๆ นี้  ยังกอดกันเหมือนเคยอยู่เลย...   
               ประคับประครองชีวิตคู่ ดูแลความรัก เดินจูงมือกันไปแบบพอดี  ๆ  ให้ถึงวันที่ได้รู้ว่า  หอมแก้มเหี่ยว ๆ ของกันและกันนั้นมันชุ่มฉ่ำหัวใจเพียงไร    สู้ ๆ ทุกความรักนะคะ

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

4) ดอกไม้ของชีวิต


" เงิน " ไม่ใช่สิ่งสำคัญจริงหรือ ?  อะไรคือความพอดิบพอดี ในการทำงานหาเงิน ?  
พบการบอกเล่าเรื่องราวผ่านบล็อก  " บริหารใจ สไตล์ส้มโอ " 
        อีกมุมมองที่ช่วยเก็บเกี่ยวความสุข   ให้เรามีทั้งชีวิต    และเหตุผลที่ทำให้อยากมีชีวิต

เรามักได้ยินบ่อย ๆ  กับคำพูดสวยหรูว่า เงิน " ไม่ใช่สิ่งสำคัญ   แต่มันก็เป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิต   เพราะไม่ว่าจะกิน  จะนอน  เจ็บป่วย   ท่องเที่ยว  เดินทาง   ค่าเล่าเรียนลูก  ฯลฯ    ล้วนต้องใช้เงินทั้งสิ้น    เป็นเรื่องที่ถกกันมาก  ถึงความพอดิบพอดี ในการทำงานหาเงิน  
             
            ไม่ว่ายังไง  คนเราก็ต้องทำงานเพื่อสร้างรายได้ให้เกิดขึ้น  แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรลืมอย่างยิ่งคือ    การเก็บเกี่ยวความสุข  ความสบายใจ  ในระหว่างที่เราทำงานหาเงินนั้นด้วย     เมื่อมีเงินสองบาท   บาทแรกเราใช้ซื้อข้าว   อีกบาทซื้อดอกไม้   บาทแรกทำให้เรามีชีวิต  ส่วนบาทที่สองคือเหตุผลที่ทำให้เราอยากมีชีวิต  ผู้เขียนคิดว่าจำเป็นมากที่คนเราต้องมีตรงนี้   บาทที่สองของบางคนอาจเป็นการท่องเที่ยว  การเล่นดนตรี  ช็อปปิ้ง  ออกกำลังกายหนัก ๆ   การทำบุญกุศล  หรือทำอะไรบางอย่างเพื่อคนหมู่มาก  เพื่อชาติ เพื่อชาวโลก   เป็นดอกไม้ของชีวิต    เป็นสิ่งที่ทำให้เราอยากใช้ชีวิต    ทำให้กระชุ่มกระชวย    ให้ชีวิตมีคุณค่า   มีความหมาย

สำหรับผู้เขียน ดอกไม้ของชีวิต อันดับหนึ่งยกให้การเดินทาง " ท่องเที่ยว " แม้ช่วงหลัง ๆ งาน ภาระความรับผิดชอบ จะไม่เอื้อให้เดินทางท่องเที่ยวไกล ๆ  แบบไปนาน ๆ มากนัก  แต่ก็ไม่ลืมจัดโหมดท่องเที่ยวพักใจ ไว้ในตารางของชีวิตเสมอ   โดยอาศัยช่วงว่างของลูก ๆ ในตอนปิดเทอม 
" ผาหล่มสัก " หลายคนเรียก  ผาเรียงคิว
          เมื่อนึกย้อนถึงตอนที่ยังวัยละอ่อน ทั้งทะเล ภูเขา น้ำตก ไปหมด  เดินขึ้นภูกระดึงได้ไม่มีเหน็ดเหนื่อย ( แต่ก็แอบแวะพักทุกซำเลย)   แต่ตอนนี้อะไรที่มีบันไดสูงๆ ต้องปีนป่าย  ขอพักอยู่ข้างล่างแล้วกัน   ถ้าต้องขึ้นที่สูง ๆ ใจมันได้ แต่กายไม่อำนวย  เพราะงั้นใครอยากทำอะไร  รีบทำตอนหนุ่ม ๆ สาว ๆ กันเลยนะคะ  ท่องเที่ยวไปเยอะ ๆ เลย ( เหมือนเริ่มแก่ แต่ยอมรับค่ะว่าเป็นอย่างงั้นจริง ๆ ) ทำงาน หาเงิน ไปเที่ยว ทำเลย ทุกวันนี้ แม้ว่าผู้เขียนยังแสวงความตื่นเต้น ยังชอบการเดินทาง แต่ด้วยวัยที่เปลี่ยนแปลง  ไปเที่ยวไหน ขอแบบนอนสบาย กินอิ่ม กินของอร่อย ๆ และเดินทางไปกับคนที่เรารัก ได้เห็นอะไรใหม่ ๆ เท่านั้นก็มีความสุขแล้วค่ะ        

              อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันในการท่องเที่ยวคือ  การเปิดใจรับความสุข  รื่นรมย์ไปกับสิ่งที่ได้พบเจอในระหว่างทางด้วย    ผู้เขียนเคยร่วมทางไปเป็นคณะใหญ่  แต่คนขับเกิดหลงทาง  เนื่องจากมีผู้แนะนำทางลัดให้  สุดท้ายกลายเป็นขับรถอ้อม  จนทำให้ถึงที่หมายช้าออกไป    มีเสียงบ่นจากเพื่อนร่วมทางท่านหนึ่งดังขึ้นตลอดทาง  เมื่อถึงที่หมาย   แม้จะมีทิวทัศน์อันงดงามตรงหน้า    ก็ไม่ทำให้อารมณ์ของท่านนี้เปลี่ยนไปเลย     น่าเสียดายที่อุตส่าห์มาถึง   
               
               จะเห็นได้เลยว่า    ถ้าระหว่างทางไม่สนุกแล้วละก็ ต่อให้ถึงจุดหมาย ก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี    ผลลัพธ์แม้จะมีความสำคัญ   แต่การเสพสุขกับกระบวนการของมันนั้น สำคัญยิ่งกว่า    เพราะแม้ถึงเป้าหมายก็อาจไม่มีความสุขก็ได้    เหมือนดังเช่นการใช้ชีวิต ที่เราต้องรู้จักชื่นชมดอกไม้ริมทาง ความงดงามรอบข้างชีวิต  ที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นี่เองค่ะ
      
    ดอกไม้ของชีวิตอีกอย่าง ต้องยกให้ หนังสือ "   ผู้เขียนโชคดีที่ไม่ได้เป็นคนบ้าของอะไรเลย      เกิดชาติหน้าก็อยากเป็นคนแบบนี้   ไม่ติดอะไร ไม่บ้ายี่ห้อ   ไม่ได้เสียเงินไปกับเรื่องพวกนี้เลย เงินส่วนใหญ่ใช้ในสิ่งจำเป็นหลัก  ค่ากินอยู่  ค่าเทอมลูก  ให้พ่อแม่ นี่เป็นหลักเลย  แบ่งไปลงทุนส่วนหนึ่ง  แบ่งไว้ท่องเที่ยว  และส่วนหนึ่งหมดไปกับหนังสือ ผู้เขียนใช้เงินประมาณ  20 %  ต่อเดือน หมดไปกับการซื้อหนังสือ  ชอบอ่าน คนใกล้ตัวก็ชอบอ่าน  ( แต่ตอนนี้ Smartphone สามารถโหลดอ่านผ่านแอพ สะดวกและช่วยให้ได้อ่านหนังสือดี ๆ เยอะเลย  เสียค่าธรรมเนียมรายปีไม่ถึงพัน...ทุ่นตังค์ไปได้มากทีเดียว ไม่ได้ช่วยโฆษณานะคะ แต่ Application เปลี่ยนโลกนี้ได้มากจริง ๆ )  อ่านได้ทุกแนว   แต่ที่ชอบเป็นพิเศษคือ  หมวด  How to หลัง ๆ นี่หนังสือแปลของคนจีน เขียนดีมาก  


ท่าเดิน " ชาร์ลี แชปลิน " ของผู้เขียน
ต้องถ่ายภาพไว้ จึงจะเชื่อว่าตัวเอง มีท่าเดินสุดฮาแบบนั้น

อีกภาพ.. เก็บ " หญ้าทะเล อ่าวคุ้งกระเบน " ทำ Thesis ... รู้สึก คิดถึง จริง ๆ

                     หนังสือเป็นครูที่สอนเราได้มาก  บางครั้งเวลาเราเจอบางประโยคมันทำให้ฉุกคิดขึ้นมา เอ๊ะเราลืมใครในชีวิตไปรึเปล่า    มันสอนเราได้หลายอย่าง     ทุกวันนี้มันสอนให้เราเป็นคนแบบนี้ เป็นครูที่สำคัญของเรา   ความรู้   ความคิดความอ่าน   ล้วนได้จากหนังสือทั้งสิ้น



การดู หนัง " ฟัง เพลง  ก็เป็นดอกไม้ยาใจให้ชีวิตอีกหนึ่งสิ่งของผู้เขียน    เพลง " ก่อให้เกิดความสะเทือนใจ   และทำให้มีกำลังใจขึ้นมาได้    บางวันฟังเพลงดีๆมันทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต     เพลงในดวงใจของผู้เขียน  ที่ฟังแล้วสบายใจทุกครั้งก็เช่น   ฤดูที่แตกต่าง   และเพลง Live and learn นี่ก็ชอบ   " เมื่อวันที่ชีวิต  เดินเข้ามาถึงจุดเปลี่ยน.. "    เพลงนี้เป็นธรรมะเลยก็ว่าได้  เป็นเพลงช่วยชีวิต   ให้ผ่านเรื่องหนักๆ ได้อย่างดีเลยทีเดียว     ฟังเพลงหวาน   เพลงซึ้ง   ก็ดื่มด่ำไปตามเนื้อเพลง   บางครั้งก็เพ้อไปว่าอยากร้องได้ไพเราะแบบนั้นบ้าง    เพราะชีวิตจริงผู้เขียนร้องเพลงเศร้า ได้ทั้งฮา  ทั้งซึ้ง มากเลยทีเดียว 555....    หนังดี ๆ  บางเรื่องมีอะไรที่ทำให้เรากลับมาฉุกคิด  อารมณ์หลุดเข้าไปอยู่ในหนัง สนุกตื่นเต้น  หนังโปรดในใจผู้เขียน เป็นซีรีย์   Prison Break  ชอบที่ดำเนินเรื่องเร็ว ตื่นเต้นน่าติดตาม  พล็อตเรื่องง่าย ๆ  น้องชายพาพี่ชายแหกคุก แค่นั้น !  แต่ดำเนินเรื่องดีมาก  ลุ้นตลอดทั้งเรื่อง   IQ พระเอกเป็นเลิศจริง ๆ   แม้ว่าล่าสุด เวนต์เวิร์ธ มิลเลอร์     ผู้รับบท ไมเคิล สกอฟิลด์ เพิ่งประกาศว่าเป็นเกย์ก็ตาม แหม..น่าเสียดายจริง   แต่ก็รับได้ค่ะ... ฮือ ๆๆ....


ลืมไม่ได้เลยสำหรับดอกไม้ของชีวิตผู้เขียนอีกอย่าง นั่นคือ   ลูกชาย     พ่อทองก้อนทั้งสอง   ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต   แม้ว่าบางครั้งจะเหน็ดเหนื่อยเกินบรรยาย    เห็นหน้าพ่อแม่ตัวเองลอยมาทันทีที่ความเมื่อยล้ามาเยือน   ว่าท่านก็คงเหนื่อยแบบนี้ตอนเลี้ยงเรามา    กว่าจะโต ทั้งทางกาย ทั้งความคิด    แต่ลูกก็เป็นกำลังใจให้แม่มากๆ เลยทีเดียว    ความไร้เดียงสาของเจ้าเด็กน้อย    ทำให้แม่มีความทรงจำดี ๆ มากมาย      ค่อย ๆ เรียนรู้ชีวิต ทีละนิด.. ทีละนิด นะจ๊ะ..เจ้าลูกชายตัวน้อย    


           ไม่ง่ายนัก  ที่จะผ่านไปในแต่ละวัน  แต่ก็คงไม่ยาก หากเรารู้จักใช้ชีวิต  โดยหยิบความสุขใส่กระเป๋าเดินทางไปด้วยกัน     ปีนป่ายภูเขาแห่งชีวิตลูกนี้  พร้อม ๆ กับชื่นชมดอกไม้ริมทาง     ก็ไม่รู้ว่ากฎแห่งจักรวาลมีอยู่จริงไหม  แต่ถ้าได้เริ่มด้วยอะไรดี ๆ วันนั้นทั้งวันจะดีเสมอ     ชาร์จแบตเต็ม  แล้วออกไปใช้ชีวิตให้เต็มที่    มีความสุขกันถ้วนหน้านะคะ

วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

3) บัวขาว วอล์คเอาท์

บริหารใจสไตล์ส้มโอ  ตอน : บัวขาว วอล์คเอาท์

ถัดจากบ้านผู้เขียนไปไม่กี่ร้อยเมตร เป็นที่ตั้งของ ค่ายบัญชาเมฆ  Banchamek Gym ค่ายมวยชื่อดังที่ทุกเช้าหรือบางครั้งก็ตอนเย็น ๆ จะได้เห็นบรรยากาศการวิ่งออกกำลังกาย ของนักกีฬาค่ายมวยแห่งนี้อยู่เสมอ

มีโอกาสได้ดูคลิปการชก มวยไทย " ในบรรยากาศที่แปลกตา มีความคึกคัก ของทั้งนักมวย และคนดู  ประหนึ่งว่าเหมือนนั่งดูหนัง  เหมือนแข่งมวยปล้ำ ประมาณนั้น  บรรยากาศชวนติดตาม  คนใกล้ตัวบอกว่า  นี่คือ มวย K-1"  ซึ่งจะมีการชกเพียงแค่ ยกเท่านั้น

ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนัก แต่ก็ดูจนจบ รู้สึกสนุก ประทับใจในความแข็งแกร่ง ความเก่ง ของนักกีฬา เร้าใจไปกับการแพ้ชนะ ลุ้นกับการแข่งขัน และทำให้รู้จัก นักกีฬา " ผิวเข้ม ตัวล่ำ กล้ามโต หน้าตาจริงใจไม่จิงโจ้ ท่านนี้ บัวขาว ป. ประมุข "   "แชมป์เค-วัน " ค้นข้อมูลดูก็ได้รู้ว่า K-1 คือ กีฬา " ต่อสู้ ที่นำศิลปะการต่อสู้แขนงต่างๆ มาสู้กันรวมทั้ง มวยไทย ด้วย  ภายใต้กติกาห้ามใช้ศอกและโน้มคอตีเข่า  และ บัวขาว ใช้ศิลปะแม่ไม้มวยไทยนี้  จนได้เป็นแชมป์มากมาย  และเป็นแชมป์เค-วัน สมัย กันเลยทีเดียว

ความฮอทของ บัวขาว " ณ ตอนนี้กำลังพุ่งสูง เพราะนอกจากข่าวการแข่งขันมวยแล้ว ดูเหมือนจะมีข่าวกับสาว ๆ  และข่าวสุดฮอท จากการเดินลงเวที ไม่ยอมชกต่อ ส่งผลให้คู่ชกชาวเยอรมัน กลายเป็นแชมป์ K-1 คนใหม่ แบบส้มหล่น  การไม่อยู่บนเวทีของบัวขาว ผู้ตัดสินจึงประกาศให้บัวขาวเป็นฝ่ายถอนตัว และส่งผลให้อีกฝ่ายกลายเป็นแชมป์เค-วันคนใหม่  โดยมีข่าวในภายหลังว่า บัวขาวอาจไม่พอใจผลตัดสิน ที่ให้เสมอกันในยก 3 ทั้งที่ตนดูเหนือกว่า และก่อนหน้านี้ ก็ไม่ค่อยพอใจกติกา เค-วัน ที่ปรับเปลี่ยนใหม่หลายอย่าง


หลังจากนั้นก็มีกระแสวิจารณ์ตามมาในแง่มุมต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะมีเรื่องของการพนัน ที่ก่อนหน้านั้น 1 สัปดาห์ บัวขาวได้ขี้นโรงพักลงบันทึกประจำวันว่า การชก เค-วัน ที่ตนจะชกครั้งนี้ มีการพนันบนโลกออนไลน์  บ่อยครั้งที่ชีวิตมันก็ซับซ้อน ไม่ง่ายที่จะผ่านความกดดัน ผ่านอารมณ์ที่ไม่ปกติไปได้ 



                 จากคำแถลงข่าวของบัวขาว "การลงจากเวที เกิดจากความคิดของผมเอง ผมขอบคุณครูผู้สอนวิชาชีพมวยไทยให้กับผม ทำให้ผมมีวันนี้ ถามว่าผมเสียใจมั้ยที่ลงจากเวที ผมไม่เสียใจครับ ที่ผมตัดสินใจลงจากเวที แต่ผมจะเสียใจ ถ้าจะมีอะไรทำให้มวยไทย ซึ่งเป็นวิชาชีพของผมเป็นไปในทางที่ไม่ดี ผมก็เลยตัดสินใจลงจากเวที เพื่อศักดิ์ศรีของผมเอง ผมไม่เคยมีประวัติ ในทางด้านขึ้นเวทีแล้วจะไม่สู้ ผมสู้เต็มที่ทุกครั้ง สิ่งที่ผมทำผมรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ผมยืนยันว่าผมไม่ได้ละทิ้งหน้าที่บนเวที เพียงแต่ผมมั่นใจว่า ผมได้ทำหน้าที่ของผมบนเวทีให้สำเร็จ ในตัวผมไม่ได้ปักใจอยู่ที่คำตัดสินของกรรมการ แต่ผมให้ทุกคนที่ดูผมเป็นผู้ตัดสินใจเองครับว่าผลการชกเป็นยังไง "  


                ในมุมของบัวขาวเรื่องราวพาเดินทางมาแบบนี้ การรักษาศักดิ์ศรีมีค่ามากกว่า  โดยเฉพาะคุณค่ากับทางใจ    แต่ไม่ว่าอีกกี่เดือนกี่ปี  สิ่งที่เราเจออยู่ตอนนี้ ก็ต้องผ่านไป  ไม่ว่าจะยังไง เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป แล้วสิ่งใหม่  เหตุการณ์ใหม่ ๆ ก็จะเข้ามา   

ความกดดัน การล้มมวย หรือการพนันขันต่อ บางครั้งเมื่อเราเดินทางมาถึงจุดที่ไม่ได้ทำเพื่อเงิน การรักษาศักดิ์ศรีคือสิ่งที่เราเลือกที่จะลงมือทำ  ผู้เขียนไม่ค่อยรู้เรื่องในวงการนี้ จึงไม่สามารถวิจารณ์ใด ๆ  แต่ไม่ว่าจะเหตุผลไหนในมุมผู้ชม ที่ทราบข่าวคราวอยู่ห่าง ๆ ก็แอบเชียร์ ช่วยลุ้นและเป็นกำลังใจให้ผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ด้วยดี  เป็นแชมป์ยาวนาน  เคยขับรถสวนทาง ตอนที่บัวขาวกำลังวิ่งออกกำลังกายช่วงเย็น ๆ  มีพี่เลี้ยงขี่มอเตอร์ไซด์ประกบทิ้งระยะอยู่ห่างๆ  เลื่อนกระจกลงทักทาย บัวขาวยิ้มเห็นฟันขาวเหมือนชื่อ  น่ารัก โบกมือให้ เสี้ยวนาทีแต่ประทับใจมาก ๆ เป็นกำลังใจให้ "บัวขาว" นักมวยในใจคนนี้ ทุกท่วงท่า ทุกกระบวนยุทธ ทุกมุมชีวิต เอาใจช่วยสู้ ๆ นะคะ..